Skip to main content

Hitzestress Expertenvideos

Sehen Sie sich die Expertenvideos zum Thema Hitzestress an!

Hinweis: Die Videos sind in englischer Sprache.

 
<>Secondary Text

 

Haben Sie Fragen? Schreiben Sie uns eine E-Mail an deutschland@alltech.com oder wählen Sie +49 (0) 2157 13811-100.
Wir werden Ihre Fragen schnellstmöglich beantworten.

<>Accordion
<>Items
<>Contact Icons
<>Icon/Image with Multi-Row Text
<>Contact Header

อาหารสัตว์ที่ยั่งยืนสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง-พิสูจน์ได้อย่างไร?

Submitted by kpoolsap on Thu, 06/10/2021 - 16:55

คนเราตีความหมายของ “ความยั่งยืน” ไม่เหมือนกัน ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันและยังไม่ได้ข้อสรุปนี้เองทำให้เกิดการอภิปรายมากมายขึ้น อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารมีบทบาทที่ไม่เหมือนใคร ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ เนื่องจากต้องรับหน้าที่ทั้งแก้ไขปัญหาจากผลกระทบของการปล่อยมลพิษ และสนับสนุนให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน อาหารสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญของการเลี้ยงโคนมและโคเนื้อให้เกิดกำไรงอกงามและได้ประสิทธิภาพ ดังนั้น การผลิตอาหารสัตว์จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มาจากระบบอาหาร

เสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่ของเรา

การระบาดของโรคโควิด-19 ช่วยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการมีระบบอาหารที่ยืดหยุ่น กำลังการผลิตอาหารสัตว์นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับปริมาณอาหารสำหรับการบริโภคของมนุษย์และความมั่นคงด้านอาหารในภาพรวม จากประสบการณ์การดำเนินงานในกว่า 128 ประเทศ ทำให้ Alltech ค้นพบว่าห่วงโซ่อุปทานของอาหารสัตว์ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมีความเกี่ยวข้องตั้งแต่กับการผลิตปศุสัตว์ในสเกลขนาดเล็ก ไปจนถึงบรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลก และความท้าทายที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์กำลังเผชิญมากขึ้นในปัจจุบันคือการแข่งขันกับมนุษย์เพื่อแย่งชิงแหล่งอาหารที่คล้ายกัน

ความท้าทายนี้เองเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้สารเสริมในอาหารสัตว์ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะรูเมน รวมถึงผลักดันให้เกิดการสำรวจ คิดค้น และผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ตอบโจทย์สัตว์เคี้ยวเอื้องโดยเฉพาะ ความยั่งยืนในด้านอาหารสัตว์มีมาตั้งแต่ในอดีต และเป็นแนวทางที่เกษตรกรเลือกใช้ในปัจจุบัน ด้วยเครือข่ายห้องปฏิบัติการเฉพาะของ Alltech ที่ชื่อว่า Alltech IFM™ (in vitro fermentation model) ทั้ง 8 แห่งทั่วโลก ทำให้เราสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของอาหารและขอบเขตการทำงานได้อย่างละเอียดมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยมลพิษและเพิ่มผลกำไรของผู้ผลิต

สามารถตรวจพิสูจน์ได้หรือไม่?

ต่อจากนี้ไปแค่คำอ้างว่าระบบการผลิตปศุสัตว์หรืออาหารสัตว์ของคุณมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำอย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องมีหลักฐานที่ทำซ้ำได้ วัดผลได้ และตรวจสอบได้ เป็นตัวสนับสนุน Alltech E-CO2 ได้พัฒนาแบบจำลอง Feeds EA™ ขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ผลิตและผู้สร้างผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ทั่วโลกในการวัดและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของอาหารสัตว์ที่ผลิต โดย Feeds EA™ จะวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารสัตว์ในโรงงานด้วยการประเมินผลกระทบของสารประกอบหรือส่วนผสมที่ใช้ โดยคำนวณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยจากการผลิต การเพาะปลูก การแปรรูป การใช้พลังงาน และการขนส่งในการผลิตอาหารสัตว์ ทั้งนี้ Feeds EA™ สามารถคำนวณการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากฐานข้อมูลส่วนผสมได้มากกว่า 300 รายการ ซึ่งรวมไปถึงวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผลิตผลพลอยได้ และสารเสริมอาหาร

สำหรับการลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งโดยโครงการเกษตรกรรมแบบหมุนเวียน เรามั่นใจในความยืดหยุ่นของระบบการผลิตอาหารของเรา จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังที่ปรากฏในโครงการต่างๆ เช่น การนำเอาสารเสริมมาใช้ทดแทนผลิตผลพลอยได้สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องและยังช่วยทำให้สมการทางโภชนาการสมบูรณ์ ทั้งนี้การลดการสูญเสียอาหาร (Food Loss) และอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ในระบบการผลิตปศุสัตว์ด้วยวิธีการที่ตรวจสอบได้ ทำให้อุตสาหกรรมของเราสามารถสร้างโซลูชันที่ยั่งยืนได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องเพื่อช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

การลดปริมาณของเสีย

การเกษตรแม่นยำสูง (Precision Agriculture) และการประยุกต์วิธีดังกล่าวเข้ากับโภชนาการของสัตว์ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงในการวิเคราะห์ข้อมูลอภิมานของ Alltech ซึ่งว่าด้วยโคนม (Salami et al., 2021) และการวิจัยเรื่องโคเนื้อ (Salami et al., 2020) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการนำไนโตรเจนไปในสัตว์เคี้ยวเอื้อง การใช้ Optigen® เสริมสำหรับโคนมมีผลทำให้

• เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไนโตรเจนในโคนมได้ 4% เนื่องจากการดักจับไนโตรเจนในกระเพาะรูเมนดีขึ้น

• ลดการขับถ่ายไนโตรเจนผ่านมูลสัตว์ที่ 12-13 กรัม/ตัว/วัน

 

สิ่งหนึ่งที่ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นคือ การใช้ Optigen® สามารถลดปริมาณการขับไนโตรเจนผ่านมูลสัตว์ต่อปีในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของสหรัฐฯ ได้โดยเฉลี่ย 51,509 เมตริกตัน เมื่อพิจารณาตามปริมาณผลผลิตนมทั้งหมดต่อปี

พูดอย่างง่าย คือ แนวทางนี้จะช่วยสร้าง "ไนโตรเจนในปริมาณที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ในสถานที่ที่เหมาะสม" เพื่อช่วยลดปริมาณของเสียในฟาร์ม ผลจากการวิเคราะห์ดังกล้าวยังแสดงให้เห็นด้วยว่าการใช้ Optigen® ในอาหารโคนมทำให้สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าได้ถึงประมาณ 54 กรัมต่อนม 1 กิโลกรัม ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของเยอรมนีได้คาดการณ์ถึงผลผลิตนมประจำปีไว้ว่า ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงจะเทียบเท่ากับ 1.8 ล้านเมตริกตัน หรือคิดเป็น 16% ของเป้าหมายการลดคาร์บอนทั้งหมดสำหรับภาคเกษตรของเยอรมนีภายในปี 2573

การวิเคราะห์เชิงจำลองโดยอิงจากผลลัพธ์ของการวิเคราะห์อภิมานแสดงให้เห็นว่า การให้ Optigen® แก่โคนม 1,000 ตัวจะทำให้

เพิ่มรายได้เหนือต้นทุนอาหารสัตว์มากขึ้น 18,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 560,000 บาท)

ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของฝูงโคได้ คิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าถึง 647 เมตริกตัน หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 424 คันออกจากถนน หรือการใช้ไฟฟ้าใน 436 ครัวเรือน

 

 

การวิเคราะห์อภิมานของการวิจัยโคเนื้อแสดงให้เห็นว่า การแทนที่โปรตีนจากพืชบางส่วนด้วย Optigen® ทำให้โคเนื้อมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพการกินอาหารที่ดีอย่างต่อเนื่อง ผลเชิงบวกที่เกิดขึ้น ได้แก่ การเพิ่มน้ำหนักโดยเฉลี่ยที่ดีขึ้น (8%) และประสิทธิภาพการใช้อาหารดีขึ้น (8%) ซึ่งรวมไปถึงการที่ข้าวโพดหมักช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Optigen® ด้วย

 

การวิเคราะห์เชิงจำลองของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้แสดงว่า การให้ Optigen® แก่โค 1,000 ตัวให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 200 กิโลกรัม ทำให้

• ลดระยะเวลาก่อนการเชือดลง 9 วัน

• ลดต้นทุนอาหารสัตว์ลง 18,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 560,000 บาท)

• ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของหน่วยเนื้อลง คิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าถึง 111 ตัน หรือเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 73 คันออกจากถนน หรือการใช้ไฟฟ้าใน 75 ครัวเรือน

 

ความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยต้นทุน

การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอาหารสัตว์ไม่ได้หมายความว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของระบบอาหารจะมีรายได้ลดลงไปด้วย นับตั้งแต่ฟาร์มโคนมขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ไปจนถึงโคนมกว่า 300 ล้านตัวที่กระจายอยู่ทั่วฟาร์มขนาดเล็กในอินเดีย Alltech ได้ลงไปสัมผัสประสบการณ์มาแล้วด้วยตัวเองและค้นพบว่าขณะนี้วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการดูแลโภชนาการสัตว์ แต่ทั้งหลายทั้งมวลแล้วการทำฟาร์มให้ได้กำไรก็ยังเป็นประเด็นสำคัญอันดับแรก และที่ทราบกันว่าอาหารสัตว์เป็นต้นทุนสำคัญที่ผันแปรมากที่สุดในการผลิตผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เราจึงต้องมีหน้าที่รับผิดชอบทางธุรกิจในการลดการสูญเสียอาหารและอาหารเหลือทิ้งนั่นเอง

การผลิตอาหารสัตว์เป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนระบบอาหาร ซึ่งทำให้เกิดการเจริญเติบโตของประชากรโลกตลอดช่วง 150 ปีที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่เราควรตระหนักถึงการเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงบทบาทของการผลิตอาหารสัตว์ ในการค้นหาและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์จากสัตว์และสนับสนุนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

 

<>Premium Content
Off
<>Featured Image
<>Date
<>Featured Image License
Off
<>Feature
Off
<>Primary Focus Area
<>Animal Nutrition Focus Areas
<>Article Type
<>Products
<>Regions
<>Topics
<>Programs and Services

ความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและโภชนาการสำหรับสัตว์

Submitted by kpoolsap on Thu, 06/10/2021 - 14:23

ผู้ผลิตโคที่ทำงานเชิงรุกจะมองการณ์ไกลเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการกับความเครียดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และความท้าทายอื่นๆ ที่โคกระบือของพวกเขาจะต้องพบเจอ พวกเขาจะรู้ดีว่าการหย่านม การขนย้าย และความเครียดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลายาวนาน อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบภูมิคุ้มกันและสมรรถภาพของสัตว์ที่ตนเลี้ยงในท้ายที่สุด ดังนั้นเกษตรกรเหล่านี้จะหาวิธีการเพื่อลดความเครียดและปัญหาสุขภาพใดๆ ที่โคของตนกำลังเผชิญอยู่ พวกเขาทราบดีว่าค่าใช้จ่ายในการป้องกันถูกกว่าค่ารักษามากนัก อีกทั้งยังอยากเห็นโคกระบือของพวกเขาสามารถมีชีวิตและเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการสุขอนามัยเชิงป้องกันคือกุญแจสำคัญเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของโคกระบือ

การฉีดวัคซีนและโภชนาการมีความสัมพันธ์แบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันในแง่ของการรักษาระบบภูมิคุ้มกันของโคกระบือให้ทำงานได้อย่างดี แม้ว่าโปรแกรมโภชนาการที่มีคุณภาพจะเป็นรากฐานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง แต่ทั้งโปรแกรมโภชนาการและการฉีดวัคซีนก็มีความสำคัญต่อความสำเร็จของการบริหารจัดการสุขอนามัยเชิงป้องกันในโคกระบือด้วยเช่นกัน โดยการบริหารจัดการสุขอนามัยเชิงป้องกันจะเน้นส่งเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของสัตว์และลดผลกระทบต่อการเจริญเติบโตที่เกิดจากความเครียดและปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ

บทบาทของการฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีนจะเป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โคกระบือผลิตแอนติบอดี้ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับไวรัสหรือแบคทีเรียก่อโรคโดยเฉพาะ เมื่อได้รับวัคซีน ปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ทำงานปกติจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำเชื้อโรคชนิดนั้นๆ สัตว์จะสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วหากได้รับเชื้อโรคที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนจึงหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้ แต่ในแต่ละพื้นที่ภูมิศาสตร์จะเสี่ยงต่อโรคแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณจึงต้องร่วมมือกับสัตวแพทย์ในท้องถิ่นในการกำหนดแนวทางการใช้วัคซีนให้เหมาะสมต่อความต้องการเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ

และแม้ว่าความต้องการของคุณอาจแตกต่างกันไปตามแต่ประเภทสัตว์และพื้นที่ภูมิศาสตร์ แต่ในบรรดาวัคซีนต่างๆ ก็มีวัคซีนจำนวนหนึ่งที่เราพิจารณาว่ามีความสำคัญต่อเหล่าโคเนื้ออย่างมากโดยพื้นฐาน เช่น วัคซีนป้องกันโรคท้องร่วง และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจในโค เป็นต้น

การกำหนดตารางฉีดวัคซีนสำหรับโค

ถึงแม้การฉีดวัคซีนจะเป็นเรื่องที่สำคัญโดยทั่วไปอยู่แล้ว แต่การกำหนดตารางฉีดวัคซีนโคเนื้ออย่างเหมาะสมก็จำเป็นต่อผลสำเร็จของวัคซีนด้วยเช่นกัน การกำหนดจังหวะเวลาที่เหมาะสมมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของแผนการให้วัคซีน การฉีดวัคซีนควรวางแผนเรื่องเวลาเพื่อให้แอนติบอดี้ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในช่วงที่สัตว์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด โปรดระลึกไว้เสมอว่าหลังฉีดวัคซีนต้องใช้เวลาพัฒนาแอนติบอดี้นานหลายสัปดาห์เลยทีเดียวกว่าจะแตะระดับสูงสุด ดังนั้นคุณจึงต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ให้ดี

วงจรการผลิตสัตว์จะเป็นตัวกำหนดประเภทและจังหวะเวลาในการให้วัคซีน ดังนี้

  • ช่วงท้องแก่ก่อนคลอด: วัคซีนป้องกันโรคท้องร่วงควรให้ปลายช่วงตั้งท้องเพื่อให้น้ำนมเหลืองมีแอนติบอดี้ในระดับสูงสุด และเนื่องจากลูกวัวแรกเกิดยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออยู่ทำให้ติดโรคได้ง่าย จึงต้องพึ่งน้ำนมเหลืองในการรับเอาแอนติบอดี้และสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเป็นอย่างมากเข้าสู่ร่างกาย

 

  • ช่วงก่อนการผสมพันธุ์: เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่วัวสาวและแม่วัวทดแทนจึงควรมีแผนการฉีดวัคซีนในระยะก่อนการผสมพันธุ์ ซึ่งควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นประมาณ 45 วันก่อนผสมพันธุ์ 

 

  • โคเพศผู้: หากคุณต้องการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อความปลอดภัยแก่วัวตัวผู้ อาจต้องใช้โปรแกรมการฉีดวัคซีนรายปี ซึ่งจะคล้ายกับในกรณีของแม่วัวและวัวสาวทดแทนคือการฉีดวัคซีนน่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดกับวัวตัวผู้ประมาณ 45 วัวก่อนการผสมพันธุ์

 

  • ลูกโคหย่านม: ควรให้วัคซีนประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนหย่านมเพื่อให้แอนติบอดี้สามารถให้การป้องกันได้สูงสุดในช่วงขุนรวม เพราะในช่วงหย่านม การขนย้าย การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ และการอยู่อาศัยปะปนกับกลุ่มใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาอ่อนไหวที่จะทำลูกวัวเกิดการเจ็บป่วยขึ้นได้ง่ายการฉีดวัคซีนจะทำให้ลูกวัวมีภูมิคุ้มกันพอสมควรเมื่อต้องเข้าสู่ช่วงใหม่ของชีวิต

โดยโปรแกรมวัคซีนเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพได้ต่อเมื่อมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะด้วยสภาพร่างกายของสัตว์ที่อ่อนแอในช่วงที่ได้รับวัคซีน, การดูแลรักษาวัคซีนที่ไม่เหมาะสม, และระดับโภชนาการที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้วัคซีนไม่ให้ผลดีเท่าที่ควร และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนไม่ได้ผลไม่ใช่เพียงแค่เสียวัคซีนไปอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น แต่อาจทำให้เสียประโยชน์ เสียกำไร หรือแม้กระทั่งเสียลูกวัวไปทั้งกลุ่มก็เป็นได้ นอกจากนั้นคุณยังต้องเข้าใจด้วยว่าวัคซีนมิได้เป็นตัวการันตีภูมิคุ้มกัน 100% และอาจทำให้เกิดภูมิเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนด้วยโภชนาการที่เหมาะสมได้หรือไม่

 

บทบาทของโภชนาการ

การให้สารอาหารในระดับที่สัตว์ต้องการถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนา, การดูแลรักษา และการทำงานอย่างเหมาะสมของระบบภูมิคุ้มกัน นอกเหนือจากประโยชน์ต่อสุขอนามัยในด้านอื่นๆ แล้ว โภชนาการที่ดียังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนและสร้างภูมิแก่โคกระบือได้อย่างยาวนาน และการที่จะทำให้สัตว์ได้รับสารอาหารในระดับที่ส่งเสริมการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันนั้น จะต้องมีการให้พลังงาน โปรตีน แร่ธาตุรองและวิตามินในโปรแกรมโภชนาการสำหรับโคกระบือด้วย

  • พลังงาน: การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก เมื่อโคกระบือสัมผัสโรค ระบบภูมิคุ้มกันจะต้องทำงานอย่างหนัก หากดูลำดับปริมาณการใช้พลังงานของร่างกายแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจะใช้พลังงานมากกว่าการบำรุงรักษาและการผลิตของร่างกายเสียอีก อย่างไรก็ตาม การนำพลังงานไปใช้ในกระบวนการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจะทำให้สารอาหารที่นำไปใช้สำหรับการเติบโตหรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอมีจำนวนลดลง โดยอาจทำให้แม่พันธุ์มีสภาพร่างกายอ่อนแอลงและสัตว์ในระยะขุนเติบโตได้น้อยลง

 

  • โปรตีน: โปรตีนถูกใช้ในการผลิตแอนติบอดี้ และเนื่องจากเป้าหมายของการฉีดวัคซีนคือเพื่อเพิ่มการผลิตแอนติบอดี้ ภาวะขาดแคลนโปรตีนจึงอาจส่งผลให้ร่างกายผลิตแอนติบอดี้ได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับการใช้พลังงาน การที่ร่างกายต้องนำโปรตีนไปใช้ในระบบภูมิคุ้มกันแทนการเสริมสร้างการเจริญเติบโต จึงอาจส่งผลเสียต่อสมรรถภาพของสัตว์ได้

 

  • แร่ธาตุรองและวิตามิน: แร่ธาตุรองและวิตามินที่จำเป็นในอาหารสัตว์นั้นมีปริมาณที่แตกต่างกันไปตามอายุ ประเภท และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่โคกระบือดังกล่าวอาศัยอยู่ แต่ทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ก็มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น การขาดแคลนสารอาหารเหล่านี้ อาจทำให้ร่างกายผลิตแอนติบอดี้ได้น้อยลง

 

ความต้องการด้านโภชนาการในแต่ละช่วงชีวิต

เช่นเดียวกับวัคซีน ความต้องการด้านโภชนาการในโคกระบือของคุณจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะฝูงสัตว์และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ การกำหนดสัดส่วนโภชนาการสำหรับสัตว์ของคุณนั้นอาจต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ เช่น ลักษณะโรงเลี้ยง อาหารที่ให้ และปัญหาสุขภาพที่สัตว์เคยเผชิญในอดีต แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือช่วงชีวิตปัจจุบันของโคกระบือ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดความต้องการด้านโภชนาการพื้นฐานที่ควรให้แก่สัตว์

  • ลูกโคเกิดใหม่: ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าลูกวัวจะมีความอ่อนไหวต่อโรคต่างๆ ในระดับสูง จึงต้องพึ่งน้ำนมเหลืองซึ่งมีแอนติบอดี้ที่สำคัญครบถ้วนทุกชนิด ลูกวัวควรมีสุขภาพลำไส้ที่แข็งแรงตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งจะทำให้สามารถดูดซึมสารอาหารจากน้ำนมเหลืองได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างดีที่สุดเมื่อลูกวัวเริ่มกินอาหารเลียราง

 

  • ลูกโคหย่านม: การดูแลลูกวัวให้มีลำไส้ที่แข็งแรงในช่วงหย่านมถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการส่งเสริมให้ระบบทางเดินอาหารมีความสมบูรณ์ ช่วยให้วัคซีนมีประสิทธิผลและทำให้สัตว์ยังคงมีสุขภาพดีในสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดสูง

 

  • แม่โค: ความต้องการของแม่วัวในฝูงของคุณจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุและระยะในวงจรการผลิต โดยแม่วัวอาจจำเป็นต้องได้รับแร่ธาตุเสริมเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์, สร้างเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน และเพื่อความสำเร็จในการผสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอาหารที่ให้ด้วย

โปรแกรมการฉีดวัคซีนให้สัตว์ในฟาร์มจำเป็นต้องมีการลงทุนทั้งเวลาและเงิน และโภชนาการที่มีคุณภาพก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การลงทุนของคุณไม่เสียเปล่า โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณเกี่ยวกับโปรแกรมการฉีดวัคซีนและโภชนาการที่เหมาะสมกับฟาร์มของคุณ และโปรดอย่าลืมว่า การป้องกันถูกกว่าค่ารักษามากนัก

<>Premium Content
Off
<>Featured Image
<>Date
<>Featured Image License
Off
<>Feature
Off
<>Primary Focus Area
<>Article Type

InTouch

2009. aastal tõi KEENAN esmakordselt turule unikaalse pilvepõhise söötmisalase kommunikatsiooniplatvormi InTouch, mis aitab farmeril jälgida farmi tööd reaalajas ja aitab loomadel igapäevaselt saavutada tootmises oma potentsiaal.  

Koos pühendunud söötmisnõustajate meeskonnaga võimaldab KEENAN koos InTouch söötmistarkvaraga pakkuda unikaalset ekspertteavet farmis kohapeal, aidates ettevõtjal toime tulla tootmisega seotud väljakutsetega ning seda kõige jätkusuutlikumal ja kasumlikumal viisil.  

 

Soovid KEENANist rohkem teada? 

http://www.keenansystem.com/uk-en

<>Featured Image
InTouch

KEENAN Masinaehituse Erinevused

Iga KEENAN MechFiber söödamikser on unikaalse kahekambrilise süsteemiga, mis koosneb segamiskambrist ja eraldiseisvast väljalaskekambrist. Kahekambriline süsteem, 6-labaline trummel ja patenteeritud püsivalt fikseeritud lõiketerade süsteem võimaldab toota söödasegu MechFiber – KEENAN’i ainulaadset lahtist, kohevat segu 
 

<>Featured Image
KEENAN Masinaehituse Erinevused
<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>

MechFiber

KEENAN söödamikserid on tänu oma söötmislahendustele ainulaadsed. Iga KEENAN söödamikser valmistab õrna segamisfunktsiooni abil ühtlaselt ja põhjalikult läbi segatud kerge, õhulise sööda, mis ei ole iialgi üle- ega alasegatud. See optimaalne segu kannab nime „MechFiber“.  

Alates MechFiber loomisest 2008.aastast on sõltumatud katsed ülikoolides ja teaduskeskustest üle maailma järjepidevalt demonstreerinud eeliseid, mis kaasnevad MechFiber söödasegu söötmisega : rohkem väljundit vähema söödaga, rohkem mäletsemist, vähem kõikumisi loomade kehakonditsioonis ja püsivam piimatoodang. 

<>Featured Image
MechFiber
<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>

Farmi audit

Kui näed sõna „audit,“ kas mõtled, et see on võimalus muuta oma ettevõte tõhusamaks, tulusamaks ja jätkusuutlikumaks? 

Usume, et jätkusuutliku tulususe saavutamise võti peitub tootmise tõhustamises. Alltech on välja töötanud farmi auditi programmi, mis analüüsib piimafarmi põhikomponente, et aidata ettevõttel  oma eesmärke saavutada.

Farmi audit: 

  • Hindab kohapealset tootmist ja majanduslikku efektiivsust 
  • Hindab loomade tootlikkust 
  • Võrdleb praegust tootmist seatud eesmärkidega 
  • Analüüsib söötmist- ja söödakorraldust 
  • Võtab arvesse loomapidamishoonete, karjakasvatuse ja majandamise aspekte 
  • Tuvastab võimalikud terviseprobleemid 
  • Aitab tuvastada tootlikkuse kitsaskohti 

Audit annab teie ettevõttele põhjaliku ülevaate ja ka nõuanded, mis on abiks edasiste otsuste tegemisel. 

Jätke numbrirägastikud meile

Meie söötmisspetsialistid kasutavad kaasaegseid söötmisprogramme, mis võimaldavad võrrelda erinevate söötmisplaanide majanduslikku tasuvust ja efektiivsust. Dairy ASSIST võimaldab läbi tasuvuskalkulaatori selgelt välja tuua farmi tootmise ja majandamise kitsaskohad ning annab võimaluse süsiniku jalajälje kaardistamiseks. 

Kõik auditi käigus kaardistatud elemendid koondatakse terviklikuks soovituseks söötmise, mineraalilisandite kasutamise, alternatiivsete proteiiniallikate ja  ka mükotoksiinide monitooringu kohta. 

Tundub lihtne, eks? Kui olete huvitatud, siis lisainfo saamiseks vt kontaktandmeid või kindla kontori andmeid.

 

<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>

Alltech Miko

Söödatehastele ja -tootjatele on Alltech välja töötanud mükotoksiinide ohuanalüüsi programm MIKO. HACCP põhimõtetele toetuv MIKO on loodud mükotoksiinide riski tuvastamiseks ning tegevuskava koostamiseks, et vähendada mükotoksiinidega saastunud sööda ohtu loomadele ja söödatootja kasumile.   

MIKO farmis  

Farmis algab MIKO audit teravilja ja teiste tootmisüksuses hoiustatud söötade kontrollimisega, otsides tõendeid hallituse kasvu kohta ja hinnates sööda hoiustamiskohta − nt kas see on vihma ja niiskuse käes ja milline on olnud sööda tarneahel. MIKO spetsialistid kasutavad ka temperatuuri sonde ja termokaameraid, et otsida levialasid, mis viitavad potentsiaalsele hallituse esinemisele.  

Söödatehas 

Söödatehases algab MIKO audit seadmete kontrollimisega, mida sööda tootmises kasutatakse- alustades teravilja vastuvõtmisest kuni valmis söödani. Igas tootmisfaasis testitakse hallitus- ja pärmseentega saastumist, see annab hea ülevaate üldistest riskidest ja aitab välja töötada ennetus- ja kontrollprogrammi.   

MIKO eesmärk 

MIKO programmi eesmärk on hinnata mükotoksiinide ohu taset terves tootmisahelas, mille põhjal saab teha õigeid otsuseid negatiivsete mõjude vähendamiseks.  

See sisaldab monitooringu juhendeid ja tulemuste põhjal tegevusplaani koostamist ning kasutuselevõttu konkreetsele loomaliigile. Selle info põhjal on võimalik optimeerida looma söötmist, arvestades nii looma tervist kui toodangu näitajaid lähtuvalt mükotoksiinide riskist. 

Kontaktvormi leiate lehekülje lõpus 

Alltech 37+

Mükotoksiinid vähendavad söömust, kahjustavad seedetrakti terviklikkust ja põhjustavad viljakuse langust. Iga nimetatud tagajärg võib tuua tootjale väga suuri kulutusi. Varjatud probleemide tuvastamine ja nendega tegelemine on väga oluline.  Alltech 37+ analüüs aitab tuvastada mükotoksiine. 

Alltech 37+® mükotoksiinide analüüs on meie mükotoksiinide programmi nurgakivi ja meie laborid Lexington Kentucky`s ja Dunboyne`is Iirimaal, on tänaseks läbi viinud peaaegu 20’000 mükotoksiinide analüüsi.  


Alltech 37+® analüüs annab tootjale reaalse pildi söödas leiduvatest mükotoksiinidest. Igale analüüsile järgneb liigipõhine soovitus mükotoksiinidest tuleneva riski maandamiseks, mis omakorda annab suuna efektiivse riskivähendamise tegevuskavani.  

<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>

Alltech Rapiread

Mükotoksiinidest tekitatud kahju läbi looma tervise avaldab ettevõtte tulemuslikkusele otsest mõju. Selleks, et saaksime loomakasvatuses mükotoksiinidest tulenevat ohtu tuvastada kiiremini, oleme välja töötanud Alltech® RAPIREAD tehnoloogia.  

Alltech® RAPIREAD™ on unikaalne testmeetod mükotoksiinide kiireks määratlemiseks söötades. 

Süsteem võimaldab reaalajas kindlaks teha tootmise saastumise mükotoksiinidega, tuues välja saaste mõjud ning pakkudes detailset analüüsi ja nõuandeid, et kaitsta tootmise efektiivsust, kasumlikkust ja looma tervist.

<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>

Soolestiku Tervis

Alltech® Soolestiku Tervise programm on oluline pikaajaliseks loomade jõudluse ja ettevõtte kasumlikkuse tagamiseks. 

Alltech’i Soolestiku Tervise programmi tehnoloogiaid toetavad ulatuslikud teadusuuringud, sealhulgas enam kui 730 farmikatset. Kuna nõuded antibiootikumide kasutamisele karmistuvad globaalselt, oleme pühendunud tõestatud lahenduste pakkumisele, parendamaks seedekulgla terviklikkust ja üldist loomade heaolu. 

Alltech Soolestiku Tervise programm:  

  • Võimaldab maksimeerida söödakasutust, juurdekasvu ja tootmise efektiivsust 
  • Aitab kaasa tugeva immuunfunktsiooni tekkimisele, toetades soolestiku tervist ja kaaluiivet.  
  • Soodustab kasulike bakterite kasvu ja soolestiku arengut ning annab hea stardi looma kasvule ja tootlikkusele.  

 

<>Homepage Abbreviation
GH
<>Featured Image
Soolestiku Tervis
<>Hubspot
<!--[if lte IE 8]>
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2-legacy.js"></script>
<![endif]-->
<script charset="utf-8" type="text/javascript" src="//js.hsforms.net/forms/v2.js"></script>
<script>
hbspt.forms.create({
region: "na1",
portalId: "745395",
formId: "a4be1b0a-5830-4072-9744-5112732c87e9"
});
</script>
Loading...