คุณภาพไข่ไก่นั้นมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคได้หันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากขึ้น ซึ่งคุณภาพของไข่ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

1. คุณภาพภายนอก : น้ำหนักไข่, รูปร่างไข่, คุณภาพเปลือกไข่ (สีของเปลือกไข่, ผิวเปลือกไข่, ความหนาของเปลือกไข่, ความแข็งของเปลือกไข่, ความละเอียดของเปลือกไข่), ความสะอาด

2. คุณภาพภายใน: คุณภาพไข่ขาว (ความสูงไข่ขาว, ความข้นของไข่ขาว, การเกิดจุดเนื้อ), คุณภาพไข่แดง (สีของไข่แดง, ความนูนของไข่แดง, การเกิดจุดด่างดำ/จุดเลือด/จุดเนื้อ)

โดยทั่วไป ไข่ไก่ที่ดีควรจะมีเปลือกเรียบ สีนวลสม่ำเสมอ ไม่มีรอยร้าวและสิ่งปฏิกูลติดบนเปลือก มีรูปทรงกลมรีสมส่วน ไข่แดงมีสีเหลืองส้มลักษณะกลมนูน ส่วนไข่ขาวข้นเกาะตัวกันดี เป็นต้น

ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพไข่ไก่

คุณภาพไข่ไก่มีผลมาจากปัจจัยหลายๆ ด้านด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น

1. สายพันธุ์: สีของเปลือกไข่ต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ เช่น พันธุ์เล็กฮอร์นจะให้ไข่ที่มีเปลือกสีขาว นอกจากนี้ยังให้ไข่ที่คุณภาพแตกต่างกันอีกด้วย

2. อายุของไก่: ไก่ที่มีอายุมากจะให้ไข่ที่ขนาดเล็กลงและเปลือกบางลงได้

3. อุณหภูมิโรงเรือน: อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ไข่มีขนาดเล็กลงและเปลือกบางลงได้

4. สุขภาพของไก่: การเป็นโรคนิวคาสเซิลหรือหลอดลมอักเสบทำให้ไข่มีรูปร่างผิดปกติได้

5. สารอาหาร: เช่น แคลเซียม ถ้ามีน้อยเกินไปจะทำให้คุณภาพไข่ลดลง แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เปลือกไข่ขรุขระ

ในที่นี้จะขอกล่าวเพิ่มเติมถึงความสำคัญของสารอาหารโดยเฉพาะแร่ธาตุในอาหารเป็นหลัก

ความสำคัญของแร่ธาตุรองต่อคุณภาพไข่ไก่

แร่ธาตุเป็นหนึ่งในสารอาหารที่นอกจากจะมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาของตัวไก่เองแล้ว ยังมีความสำคัญต่อไข่ด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากแร่ธาตุหลักอย่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่มีบทบาทต่อคุณภาพไข่ไก่อย่างชัดเจนแล้วนั้น แร่ธาตุรองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยแร่ธาตุรองที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับคุณภาพไข่ไก่ได้แสดงไว้แล้วดังรูปด้านล่างนี้ (รูปที่ 1)

รูปที่1 ชนิดของแร่ธาตุรองที่มีผลต่อคุณภาพไข่ไก่

แร่ธาตุอินทรีย์เหนือกว่าแร่ธาตุอนินทรีย์อย่างไร

โดยทั่วไปในการประกอบสูตรอาหารจะนิยมเสริมแร่ธาตุอนินทรีย์เนื่องจากมีราคาถูก แต่การใช้ประโยชน์ได้มีความผันแปรและการขับแร่ธาตุทิ้งค่อนข้างสูงเนื่องจากสัตว์มักไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุอนินทรีย์และนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ทำให้เกิดการตกค้างในสิ่งแวดล้อมและยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุอีกด้วย การใช้แร่ธาตุอินทรีย์เข้ามาทดแทนจึงเป็นแนวทางที่ดีในการลดผลกระทบเหล่านี้เนื่องจากไก่จะสามารถนำแร่ธาตุไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และขับแร่ธาตุทิ้งลดลงอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีข้อดีอีกหลายประการดังต่อไปนี้

·        ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพ

·        ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การผลิตไข่

·        ช่วยเพิ่มคุณภาพไข่ไก่

·        ช่วยคงความสดของไข่ให้ยาวนานขึ้น

Bioplex^® Poultry Pak (ไบโอเพล็กซ์^®  โพลทรี แพ็ค)

        Bioplex^® Poultry Pak เป็นแร่ธาตุรองอินทรีย์ 100% ในรูปแบบที่มีความใกล้เคียงกับในธรรมชาติมากที่สุด ใช้สำหรับผสมในอาหารสัตว์ปีกได้ในทุกช่วงอายุ ประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อการผลิตและสุขภาพของสัตว์ ได้แก่ แร่ธาตุสังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ไอโอดีน ซีลีเนียม และโครเมียม ผลิตภายใต้มาตรฐานระดับสูง เห็นผลได้แม้ใช้ในปริมาณน้อย ซึ่งมีการทดลองที่พิสูจน์ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมมากมายทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้มีการทดลองที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทออลเทค ประเทศไทยและบริษัทผู้แทนจำหน่ายแห่งหนึ่งในการใช้ Bioplex^® Poultry Pak ในฟาร์มไก่ไข่ทั้งในจังหวัดสระบุรีและอุตรดิตถ์ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยพบว่า การเสริม Bioplex^® Poultry Pak ในปริมาณ 500 กรัมต่อตันอาหารสัตว์จะช่วยเพิ่มค่าแรงกดเปลือกไข่และค่าความสดของไข่ได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมด้วยแร่ธาตุอนินทรีย์ ( กราฟที่ 1 และ 2 ) และยังสามารถเพิ่มผลผลิตไข่และน้ำหนักไข่ได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ซีลีเนียมอินทรีย์เดี่ยวยี่ห้ออื่นอีกด้วย (กราฟที่ 3 และ 4) ดังนั้น Bioplex^® Poultry Pak จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับฟาร์มไก่ไข่ในการเพิ่มคุณภาพไข่ไก่และกำไรของฟาร์มได้อย่างชัดเจน

กราฟที่ 1 ผลของการเสริมแร่ธาตุอนินทรีย์และ Bioplex^® Poultry Pak ในอาหารต่อค่าแรงกดเปลือกไข่

กราฟที่ 2 ผลของการเสริมแร่ธาตุอนินทรีย์และ Bioplex^® Poultry Pak ในอาหารต่อความสดของไข่

กราฟที่ 3 ผลของการเสริมซีลีเนียมอินทรีย์เดี่ยวยี่ห้ออื่นและ Bioplex^® Poultry Pak ในอาหารต่อเปอร์เซ็นต์การผลิตไข่

กราฟที่ 4 ผลของการเสริมซีลีเนียมอินทรีย์เดี่ยวยี่ห้ออื่นและ Bioplex^® Poultry Pak ในอาหารต่อน้ำหนักไข่

จากการทดลองข้างต้นทำให้สรุปได้ว่า แร่ธาตุรองเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพไข่ไก่ได้จริง และจะให้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แร่ธาตุอินทรีย์ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานระดับโลกและมีผลวิจัยรองรับมาอย่างยาวนาน

การผลิตไข่ที่มีคุณภาพดีนั้นเป็นเป้าหมายของผู้ประกอบการฟาร์มไก่ไข่ เพราะผลผลิตที่มีคุณภาพดีเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตและสร้างผลกำไรให้กับฟาร์ม อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการเสนอขายให้แก่บริษัทค้าปลีกที่มีมาตรฐานการรับซื้อผลผลิตที่ค่อนข้างเข้มงวด เพราะฉะนั้นการพิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตนั้น ผู้ประกอบการจึงควรคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและสามารถเชื่อมั่นในผลลัพธ์หลังการใช้ ตลอดจนมีผลดีต่อสุขภาพสัตว์โดยรวม เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด

หากต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ของออลเทค

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “ความยั่งยืน” เป็นหนึ่งในคําที่ถูกใช้มากที่สุดในภาคการเกษตรในขณะนี้ และเป็นไปได้ว่าจะถูกพูดไปจนถึงทศวรรษหน้า ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมเกษตรอาหารกําลังทํางานอย่างหนักเพื่อเดินทางไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห่วงโซ่ของการผลิตไข่

โนเบิล ฟู้ดส์ (Noble Foods) เป็นบริษัทชั้นนําในสหราชอาณาจักรที่มุ่งมั่นในการมอบสินค้าและบริการให้แก่อุตสาหกรรมไข่อย่างยั่งยืน ตั้งแต่การดูแลและสวัสดิภาพสัตว์ ไปจนถึงการจัดการคาร์บอนและของเสียในการผลิต

โนเบิล ฟู้ดส์เข้าสู่โลกของไข่เมื่อ 100 ปีก่อนภายใต้ชื่อ 'Deans Foods' ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 1920 วิลเลียม ดีน ใช้วิธีการขายไข่ถึงหน้าประตูบ้านแบบ door-to-door ด้วยม้าและเกวียน

วันนี้ โนเบิล ฟู้ดส์ ยังคงบริหารงานโดยครอบครัว Dean ในรุ่นที่ 3 และ 4 พวกเขาผลิตไข่ได้ 400 เมตริกตันทุกสัปดาห์ ในจำนวนนั้น 58% เป็นผลิตภัณฑ์ไข่จากไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย (free-range)

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท:

• ผลิตอาหารสัตว์ประมาณ 750,000 เมตริกตันทุกปี จากโรงงานอาหารสัตว์ 5 แห่ง

• เลี้ยงไก่สาวประมาณ 4 ล้านตัวต่อปี ในช่วงอายุ 1-16 สัปดาห์ จาก 14 โรงเลี้ยง

• มีฟาร์มไก่ไข่ 280 แห่ง ทั้งที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและฟาร์มของเกษตรกรพันธสัญญา

โนเบิล ฟู้ดส์ เป็นผู้นําในการบูรณาการธุรกิจในแนวตั้งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกในสหราชอาณาจักร

โนเบิล ฟู้ดส์ มีความภาคภูมิใจและได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม จากการที่เป็นบริษัทแรกที่ทดลองใช้วัคซีน Salmonella ในช่วงปี 1990s เพื่ออยู่ใน tier 1 ของโมเดล BB4 (โปรแกรมสวัสดิภาพการควบคุม)

การพัฒนาวิสัยทัศน์และวิธีการ

ไม่กี่เดือนที่ผ่าน โนเบิล ฟู้ดส์ ได้ตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ท้าทาย และยังใช้เป็นเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนบริษัทอีกด้วย เกรแฮม แอทคินสัน, ผู้อำนวยการด้านการเกษตรสำหรับผู้ผลิต ของ โนเบิล ฟู้ดส์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ

ในความเห็นของเกรแฮม ความยั่งยืนอาจมีความหมายไม่เหมือนกันต่อผู้คนและธุรกิจที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีที่ถูกต้องหรือผิดที่ชัดเจนในการ "ลงมือทํา" เขาไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรหรืออย่างไร อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่โนเบิลฟู้ดส์ต้องการทำให้สำเร็จ และสิ่งใดที่ออลเทคสามารถช่วยได้ ดังนั้นเขาจึงถามคําถาม: เราสามารถร่วมมือกันเพื่อทําให้ความท้าทายด้านความยั่งยืนกลายเป็นโอกาส ผ่านโครงการ Planet of Plenty partnership ได้หรือไม่?

ในขณะที่เกรแฮมและทีมผู้บริหารยอมรับว่าการเดินทางของบริษัทกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง และแน่นอนว่าจะต้องมีความยากลำบากเกิดขึ้นระหว่างเส้นทางนี้ แต่พวกเขาก็ได้กําหนดวิสัยทัศน์เชิงรุกของพวกเขาอย่างชัดเจนและมุ่งให้ความสำคัญในสี่ประเด็น ดังนี้:

1. คาร์บอน ฟุตพริ้นท์: ลดผลกระทบจากวิธีการให้อาหารสัตว์

2. การสูญเสียอาหาร: การฟื้นฟูและกู้คืนไข่ชั้นหนึ่งให้สามารถนำมาใช้ได้มากขึ้น

3. การใช้ที่ดิน: การลดการใช้วัตถุดิบและหาวัตถุดิบทดแทน

4. สวัสดิภาพของสัตว์: การเพิ่ม, พัฒนา และผลักดัน การเติมเต็มชีวิตของไก่ไข่

และส่วนที่ยากคือ การลงมือทำ! หรือการเริ่มก่อร่างสร้างให้มันเกิดขึ้นได้ ซึ่งตอนนี้ เกรแฮมก็กำลังขะมักเขม้นกับการสร้างความร่วมมือของผู้เล่นในอุตสาหกรรม ให้มารวมตัวกันและแบ่งปันความเชี่ยวชาญ

การเดินทางร่วมกัน

เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่เกรแฮมได้ตามล่าหาพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน พันธมิตรซึ่งจะสามารถทําหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและผู้อํานวยความสะดวกได้ พันธมิตรที่จะมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ, ทักษะ, วิทยาศาสตร์, และความรู้ที่จําเป็นเพื่อให้เดินทางไปด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว พันธมิตรที่สามารถสนับสนุนสถานะความเป็นผู้นําของพวกเขาได้

โนเบิล ฟู้ดส์ มุ่งมั่นที่จะเป็นผลิตไข่แบบ cage-free 100% ภายในปี 2025

ออลเทค มีความคล้ายคลึงกับ โนเบิล ฟู้ด เพราะเป็นธุรกิจครอบครัว และดําเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายและให้คุณค่ากับความยั่งยืนเหมือนกัน ค่านิยมและวิธีการทํางานที่คล้ายกันเหล่านี้ เป็นสิ่งที่จุดประกายและทําให้ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทเป็นไปอย่างมั่นคง - นั่นคือความคิดที่ต้องการสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่กว่าและเร็วกว่าโดยการทํางานร่วมกัน

ด้วยพลังของวิทยาศาสตร์และโภชนาการ ออลเทคกําลังทํางานอย่างใกล้ชิดกับ supply chain ของโนเบิล ฟู้ดส์ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนสิ้นสุด เพื่อช่วยกันผลิตไข่ที่มีคุณภาพมากขึ้นจากไก่ที่มีความสุข และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

ความร่วมมือกันเพื่อไปสู่ Planet of Plenty ระว่าง โนเบิล ฟู้ดส์ และ ออลเทคนั้นยังอยู่ในระยะแรก โครงการนําร่องแรกเพิ่งเริ่มต้นขึ้นแต่ผู้คนใน supply chain ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นผลของความร่วมมือในการผลิตไข่ในอนาคตอันใกล้

At this point, most of us know that the gut microbiome is an important component of overall health. With estimates asserting that mammals contain around 10 times more bacteria than cells in their bodies — and 1,000 more microbial genes — the importance of a healthy gut cannot be overstated.

While many of us have heard about prebiotics and probiotics for dogs and cats, the new term on the block is “synbiotics,” which are simply an effective and beneficial combination of pro- and prebiotics for cats and dogs. Current research shows that the right combination product could be a game changer in pet food diets.

How do prebiotics and probiotics for dogs and cats work together?

Here’s a quick refresher:

• Probiotics are consumable live microorganisms that have beneficial effects when fed in the appropriate concentrations.
• Prebiotics are fiber or fermented ingredients that pass through the GI tract undigested and positively influence the microbes in the gut.

In simple terms, probiotics are good bacteria, and prebiotics help feed those good gut bugs.

Synbiotics were created as specific combinations of pro- and prebiotics that work well together. Basically, synbiotics are selective strains of bacteria with specific prebiotics that best support those microbes.

Once in the body, synbiotics can act in various ways to support health.

What do prebiotics do in the body?

Upon being ingested, prebiotics pass through the animal’s stomach and small intestine without being broken down by hydrochloric acid or digestive enzymes. Once they reach the large intestine, prebiotics get to work as the “fuel” for the good bacteria in the gut.

Prebiotics work together with probiotics to maintain a delicate balance and diversity of organisms in the GI tract. As probiotics are fueled, the body reaps more benefits.

Additionally, as prebiotics are fermented and used by probiotics, short-chain fatty acids — such as butyrate and other postbiotics — are generated. These postbiotics are used by the cells of the GI tract as a nutrient source, which further contributes to a healthy gastrointestinal tract.

What do probiotics do in the body?

Different probiotic strains have different mechanisms of action in pets. Some examples of how probiotics can influence health include:

• Competing with and displacing bad bacteria in the GI tract by attaching to the intestinal lining
• Producing antimicrobial substances like fatty acids
• Inactivating toxins
• Up-regulating the production of beneficial metabolites
• Enhancing immune system function
• Supporting the integrity of intestinal epithelial cells

While many strains of probiotics are used in dogs and cats, some of the more common and widely researched include Enterococcus faecium, Lactobacillus acidophilus and Bifidobacterium spp. animalis.

Multiple studies have shown that the gut bacteria composition of dogs experiencing digestive diseases, such as chronic diarrhea and inflammatory bowel disease, is altered compared to the gut bacteria of healthy dogs, which suggests that probiotics for dogs with diarrhea and other dysbiosis-inducing conditions may be one solution for better health.

What benefits do synbiotics provide?

As stated above, the whole point of synbiotics is to create one combination product that provides a net benefit for the animal based on synergistic pre- and probiotics.

Research trials involving pre- and probiotics for cats and dogs that study the most effective mixture of strains are limited, and the results of the trials that have been conducted vary greatly due to the myriad ways to test changes in the gut microbiome, as well as the different concentrations of beneficial bacteria and fiber being offered and the timing of administration with respect to other foodstuffs or medications. That being said, let’s look at what we do know.

One study in healthy, trained sled dogs found that a synbiotic that included E. faecium, Bacillus coagulans, L. acidophilus, and multiple prebiotics and vitamins led to an increase in Lactobacillaceae bacteria and the concentration of butyrate, as well as a decrease in diarrhea. In cats with chronic diarrhea, administration of a proprietary synbiotic blend improved fecal scores significantly after only 21 days.

Several studies have investigated the use of synbiotics in cats in conjunction with clindamycin, an antibiotic known to induce significant GI changes and distress in both pets and humans. In one trial, the use of a synbiotic with clindamycin in previously healthy cats illustrated synbiotics’ potential ability to mitigate some loss of beneficial bacteria. Additionally, the cats receiving the synbiotic also seemed to have altered levels of polyamine synthesis. Polyamines aid in the repair of the intestinal lining and have anti-inflammatory properties, so this is particularly interesting and will require more research to fully understand.

While the science continues to evolve, what we already know for sure is that supporting the microbiome and continually improving the gut ingredients available for pets will be hugely important in differentiating pet food brands.

How to market synbiotics

Adding a winning combination of probiotics and prebiotics to pet food diets is not only advantageous for good gut health and an optimal pet immune system but could also be profitable for businesses.

With pet parents always looking for an “edge” for their pets, adding a custom combination product that fits your brand’s needs is crucial for brand awareness and recognition. In a crowded marketplace, the smallest ingredients in the bag are often the biggest market differentiators.

Additionally, in the human nutrition marketplace, the idea of synbiotics is becoming more and more mainstream, which means that people will soon be looking for this word on pet food packaging.

When marketing synbiotics to consumers, here a few tips:

1. Identify the main reason why your company chose these particular strains of bacteria and supportive fiber.
2. Boil your main “why” into less than 10 words for each strain or fiber source.
3. Educate consumers so that they understand why your brand has selected these particular ingredients and why what you are offering is different from other brands.
4. Communicate obsessively via your channels. If it feels like you are repeating the same language, then you are doing it right! Most people need to hear something at least seven times before it really solidifies as fact in their brains.

As a company founded on science, Alltech’s technologies continue to be researched as extensively as they have for the past 40 years. We can help identify the custom blend of ingredients that would best serve your pet food brand based on your unique needs, processing techniques and marketing strategies.

In the end, our mission is healthy pets and healthy partnerships.  

To find out more about Alltech’s pet solutions, fill out the form below.

Vodič za upravljanje toplinskim stresom kod mliječnih krava

Ovaj vodič će vam pomoći da brzo prepoznate znakove stresa. U njemu se opisuju promjene koje se mogu odmah uvesti kako biste riješili problem. Riječ je o važnom alatu koji će vam pomoći da na najbolji način upravljate toplinskim stresom.

Za više informacija obratite se Alltechovom uredu u Zagrebu, na email croatia@alltech.com.

Responsable del área de rumiantes de Alltech Chile de la zona comprendida entre las regiones de Los Ríos y Los Lagos.

Cuenta con más de 15 años de experiencia profesional en diferentes sectores de la producción animal. Inició su carrera con bovinos y ovinos, para trasladarse luego a Australia, donde se desempeñó como médico veterinario en ganado de producción de carne y salmones.

En 2013 fue responsable de producciones ovinas de gran magnitud, para posteriormente comenzar a trabajar en cargos técnicos comerciales del área de nutrición animal, en grandes empresas multinacionales.

Se desempeña como gerente de ventas de Alltech Chile para el área de rumiantes, enfocada principalmente en las lecherías de las zonas centro y sur del país. Tiene 10 años de experiencia en producción bovina –específicamente en inocuidad, bienestar animal, salud mamaria y nutrición–.

Heim Hales es médico veterinario de la Universidad Austral de Chile.

Ingeniero en Biotecnología Marina y Acuicultura de la Universidad de Concepción de Chile. Con más de 10 años de experiencia, se ha destacado por sus habilidades en desarrollo de negocios y atención de cuentas claves.

Profesional en las áreas de ventas, marketing, comercio, planificación estratégica, formulación presupuestaria y estructura de costos. Ejecutiva para cuentas claves con más de 10 años de experiencia en el sector agroindustrial.

En Alltech ha recibido reconocimientos como Mejor vendedor de Venezuela en el 2012, Mejor posicionamiento de producto en el mercado –por Optigen®– en el 2013, y Mejor vendedor en América Latina en el 2014.

Castillo es ingeniera agrónoma de la Universidad Centroccidental Lisandro Alvarado de Venezuela. Ha llevado, además, una Maestría en Nutrición Animal en la Universidad Central de Venezuela.

Responsable de diseñar y cumplir el plan de ventas anual del país, el manejo de herramientas técnicas y de marketing, y las relaciones comerciales con proveedores de todo el mundo y con consumidores finales.

Cuenta con experiencia en el manejo técnico-comercial de productos de alimentación animal en las áreas de ventas, a través de la cadena de distribución del negocio pecuario y en la asesoría técnica post-venta.

Emhardt es médico veterinario de la Universidad Austral de Chile y cuenta con un Diplomado en Nutrición y Alimentación Animal por la Universidad Católica de Chile.

La agricultura y la ganadería continuarán siendo industrias básicas en el secuestro de carbono, y tendrán una gran importancia en la respuesta al cambio climático.

Una mirada a la historia

"Para hacer frente a los innumerables retos a los que nos enfrentamos hoy en día, hemos de tener una mentalidad de legado", dijo el Dr. Mark Lyons, presidente y director general de Alltech, en la conferencia Alltech ONE Ideas (ONE) el 24 de junio. "Hemos de mirar al pasado para tener perspectiva y aprender".

Con esta idea, el Dr. Lyons trasladó a la audiencia a la época en que los humanos empezaron a llegar a Norteamérica. La gente trajo y domesticó animales, comenzó a utilizar los recursos naturales para la producción de alimentos y requirió más tierra.

A medida que se producía este crecimiento, las economías mundiales y los continentes se conectaron más a través de ferrocarriles, carreteras y vías de navegación. El carbono se convirtió en la principal forma de alimentar la creciente economía y el creciente planeta. En consecuencia, las emisiones de carbono aumentaron.

La agricultura crecía. Los avances científicos estaban marcando el camino hacia un sistema alimentario más eficiente y crearon la oportunidad para el surgimiento de marcas y negocios que, hoy, llamamos industria alimentaria.

La necesidad de productividad agrícola, así como de eficiencia en la producción de alimentos, condujo a nuevas innovaciones agrícolas y a la toma de conciencia sobre las emisiones de carbono producidas por la agricultura. En cuanto a la producción de carne, leche y huevos, los agricultores empezaron a introducir mejoras, respondiendo a las influencias y demandas del mercado.

Desde mediados del siglo XIX, la cantidad de combustibles fósiles utilizados ha aumentado un 20.000%, mientras que la población humana ha aumentado un 1.329%, y los animales utilizados para alimentar a esa creciente población han aumentado mucho menos, un 524%. De hecho, hoy en día, se produce en Estados Unidos un 50% más de carne de vacuno que en 1960, pero este aumento de la producción se está llevando a cabo con un tercio del número de animales que se necesitaba hace 60 años.

Aunque los avances científicos han permitido comprender mejor nuestro medio ambiente, no se ha llegado a un acuerdo sobre los culpables del cambio climático. Esta historia no es exclusiva de Norteamérica.

El cambio está ocurriendo

"Una cosa que está quedando muy clara es que ha empezado un cambio, y que va a continuar", dijo el Dr. Lyons. "De hecho, hemos visto que la pandemia ha acelerado este cambio y la aceptación de los cambios que se están produciendo a nuestro alrededor".

"Creemos que todo reto puede ser una oportunidad y, de hecho, un regalo", continuó el Dr. Lyons. "Cualquier cosa que creamos puede convertirse en realidad, pero no harás las cosas de forma diferente a menos que las veas de forma diferente".

Veamos algunas de las innovaciones que se están soñando y aplicando en todo el mundo:

1. Purificadores de aire gigantes: Nueve de cada diez personas de todo el mundo respiran aire contaminado, y esta contaminación es responsable de casi 9 millones de muertes al año. Algunos ingenieros están pensando en cómo crear purificadores de aire exteriores gigantes que sean también piezas de arte. Quizás la verdadera belleza sean el aire limpio y la energía limpia.

2. Enfriar el planeta filtrando el exceso de dióxido de carbono del aire a escala industrial: Los depuradores de aire gigantes en Texas -que podrían ser una vista común para 2050- utilizan una química simple para capturar el CO2 y bombearlo a los pozos de petróleo, que han sido perforados en seco en el último siglo. Algunos de los gases de efecto invernadero que están calentando nuestro planeta podrían eliminarse con este tipo de innovaciones, contribuyendo potencialmente a reducir el efecto invernadero.

3. Generadores de electricidad utilizando el calor del manto terrestre: Esto se está probando a pequeña escala en Kenia, pero tiene grandes implicaciones futuras para no emitir gases de efecto invernadero al aire.

4. Utilizar plástico reciclado como sustituto de los ligantes bituminosos en la construcción de carreteras: Entre los combustibles fósiles que ya se han extraído del suelo, muchos se han convertido en plásticos, que tardan más de 1.000 años en biodegradarse. Algunos de esos plásticos pueden ser reciclados y utilizados en la construcción de carreteras, creando una conducción más suave, menos baches y una mayor vida útil de la carretera.

5. Carreteras solares: Tecnologías como el Gorilla Glass® (un tipo de vidrio, extremadamente resistente) pueden utilizarse para proteger  paneles solares con los que pavimentar carreteras, calzadas y aceras. Si estas calzadas cubrieran todo Estados Unidos, producirían tres veces la electricidad que necesitamos actualmente.

6. Extintor sónico: Como consecuencia del cambio climático, cada vez hay más incendios forestales. Para combatir este desafío, los científicos están trabajando en un extintor sónico, que puede ser instalado en un dron y funciona utilizando ondas de sonido para separar el oxígeno de la fuente de combustible.

7. El hidrógeno como combustible de aviación: Desde 1990, las emisiones de dióxido de carbono por cada vuelo de pasajeros se han reducido en más de un 50%. Sin embargo, la industria de la aviación también está evaluando nuevas fuentes de combustible, y el hidrógeno podría ser un nuevo combustible limpio para la aviación. Un avión de hidrógeno a escala comercial de Airbus ya ha realizado vuelos en el Reino Unido.

8. Un "ala mixta" que sirva tanto de habitáculo como de ala para los aviones: Con la totalidad de un avión generando sustentación, esto podría ahorrar entre un 20 y un 30% del combustible que actualmente se necesita para los vuelos de pasajeros.

9. Las algas verdes como limpiadoras del medio ambiente y fuente de energía: La capacidad de las algas verdes para comer bacterias es más frecuente de lo que se pensaba, y este hallazgo podría tener importantes usos en la vida real, relacionados con la ciencia del medio ambiente y el clima. Además, las algas verdes también podrían ser una fuente de combustible para muchos tipos de viajes, tanto en el aire como en la tierra.

10. Los genes del microbioma intestinal están relacionados con una serie de enfermedades humanas: Gran parte de lo que ocurre en nuestro microbioma está relacionado con las enfermedades humanas. A medida que vayamos entendiendo más sobre la ciencia, habrá muchas nuevas formas de superar los desafíos de la salud humana.

11. Una alternativa a los antibióticos capaz de tratar infecciones bacterianas resistentes: Científicos de la Universidad de Durham han mejorado la actual alternativa estándar a los antibióticos (llamados peptoides), alterando su estructura química para mejorar su penetración en las células y su eficacia contra las infecciones bacterianas. Estas alternativas podrían ayudar a combatir la plaga de la resistencia a los antibióticos.

12. El metano de los residuos animales puede utilizarse para cultivar proteínas unicelulares para la alimentación: La gente no sólo está convirtiendo el metano en energía con los digestores de biogás, sino que también está utilizando una serie de nutrientes diferentes y creando proteínas unicelulares que pueden volver a convertirse en alimento para los animales, e incluso para los humanos.

13. Un cubo de basura inteligente que identifica los tipos de alimentos y fomenta el reciclaje: El desperdicio de alimentos es un área de potencial sin explotar. El cubo inteligente podría reducir un tercio de nuestros residuos alimentarios antes incluso de que salgan de casa.

14. Un aparato de cocina que convierta los residuos en compost: Hoy en día se están desarrollando sistemas que nos permitirán convertir nuestros residuos de comida directamente en compost, que podremos utilizar en nuestros jardines. Con un solo botón, Lomi tritura y calienta los residuos para descomponerlos sin olor y los convierte en compost rico en nutrientes, reduciendo hasta un 50% de los residuos que de otra manera se enviarían a un vertedero.

15. Las herramientas microbianas podrían mejorar la productividad y limitar el impacto medioambiental: Existen nuevas herramientas que ayudan a desarrollar microbiomas específicos en el tracto gastrointestinal, el suelo y los sistemas de procesamiento de residuos. Como resultado, se están creando nuevas estrategias nutricionales y de suplementación de piensos para mejorar la eficiencia de la producción, al tiempo que se limita la intensidad de las emisiones.

16. Herramientas de medición para evaluar el impacto ambiental y las estrategias de mitigación: Herramientas como los sistemas de auditoría de granjas E-CO2, las pruebas de laboratorio y las evaluaciones de piensos (Alltech IFM™ y la prueba de valor Yea-Sacc®), así como el uso de programas de suplementación y gestión de pastos para controlar las emisiones y el impacto mineral en el medio ambiente, son fundamentales para reducir nuestro impacto medioambiental global.

17. Herramientas bióticas para mitigar las emisiones de la agricultura y la intensidad de las emisiones: Los nuevos sistemas de gestión utilizan la filtración para extraer el metano en su origen y utilizarlo potencialmente en otros sistemas de producción agrícola. La gestión del estiércol, la gestión de los pastos y la nutrición de los pastos se remontan a nuestra comprensión del microbioma y a la importancia de ver todas estas áreas como vinculadas.

18. Utilización de enzimas activadoras como catalizadores biológicos: Las enzimas pueden ayudarnos en muchos ámbitos, como la mejora de la digestión y la utilización de los alimentos, la modificación beneficiosa de los microbiomas de los animales y los suelos, la alteración de los patrones de fermentación para descomponer los residuos y la mitigación de las toxinas ambientales.

"Creo que la industria agrícola creará alimentos neutros desde el punto de vista climático", dijo el Dr. Lyons. "Seguiremos siendo una de esas industrias básicas que pueden secuestrar carbono, y seremos una parte importante de la respuesta al cambio climático".

Para terminar, el Dr. Lyons afirmó que ninguna industria podría tener un impacto más positivo en el futuro del planeta que la agricultura.

"Es la industria que más me entusiasma y es un gran honor trabajar en ella", compartió el Dr. Lyons. "Podemos alimentar al mundo a la vez que refrescamos su clima. Podemos dejar no una huella, sino un legado. Qué extraordinaria oportunidad al reunirnos todos, trabajando juntos por un Planet of Plenty™".

Autor: Tien Le

Por Anderson Lima 

Consideradas hasta hace poco como solo un apoyo para reducir los gastos en la alimentación en la avicultura –los cuales pueden llegar a representar hasta el 70% de los costos totales de producción–, las enzimas han ido adquiriendo una mayor relevancia en la formulación de las dietas para las aves; principalmente por su capacidad para mejorar la utilización de diferentes nutrientes esenciales, lo que ayuda a reducir la cantidad de alimento balanceado que se ofrece a los animales.

Las enzimas incluidas a las raciones ayudan a descomponer, sobre todo, aquellas fracciones del alimento balanceado indigestibles para las aves (Mckinney et al., 2015). Así, en función del tipo de la enzima suplementada se puede observar una reducción de la viscosidad en el tracto gastrointestinal, una mayor degradación de las proteínas o una disminución de los efectos de los factores antinutricionales (Núñez et al., 2013).

Actualmente, la adición de las enzimas está respaldada por investigaciones científicas que han corroborado sus beneficios: desde 1969 –cuando comenzaron a ser utilizadas– hasta hoy, se ha demostrado que la aplicación de tecnologías como las carbohidrasas, las proteasas y las lipasas, tiene un rango de acción que supera con ventaja al de las fitasas (usadas hasta ahora como el único producto para mejorar la absorción de fósforo en el organismo de las aves). Otra innovación que se ha validado es el uso de varias enzimas combinadas, que actúan en las diferentes fracciones no digestibles de muchos ingredientes de las dietas, lo que amplía su rango de acción y reduce así los costos de producción.

Un avance importante es también el desarrollo de enzimas exógenas con diferentes efectos químicos; que representan una alternativa tecnológica para mitigar el impacto negativo de las fracciones no digestibles del alimento balanceado (García et al., 2000; Oliveira et al., 2006).

Lázaro et al. (2004) y Hooge et al. (2010) han estudiado los beneficios de los complejos enzimáticos, que ayudan a mejorar la salud y el desarrollo intestinal en las aves que han sido alimentadas con dietas que contienen complejos multienzimáticos de enzimas exógenas.

Por otro lado, X. Meng y B.A. Slominski (2005) señalan que el uso combinado de complejos enzimáticos de carácter fibrolítico y proteolítico en las dietas a base de maíz y harina de soya, puede generar un aumento en la digestibilidad ileal de las proteínas –como resultado de una mayor liberación de proteínas estructurales (como las glicoproteínas)–.

En lo que se refiere a los métodos empleados para la obtención de enzimas exógenas, destaca el proceso de fermentación en estado sólido (SSF, por sus siglas en inglés), que consiste en la producción de varias enzimas al mismo tiempo –los complejos enzimáticos–. Estos aseguran una mayor sinergia y estabilidad entre las enzimas generadas, que es una característica muy importante para su correcto funcionamiento dentro de los animales.

Luego de analizar 28 investigaciones sobre complejos enzimáticos –producidos a través del proceso SSF– Hooge et al. (2010) concluyeron que su inclusión a las raciones mejoró la ganancia media de peso en los animales en un 3.73% y la conversión alimenticia en un 2.64%. Además, las dietas de las aves suplementadas con los complejos enzimáticos producidos mediante el proceso SSF presentaron una reducción de 75 kcal/kg de energía metabolizable, un 1% más de aminoácidos esenciales y un aumento de 0.1% de los niveles de calcio y fósforo disponibles; proporcionando así un ahorro importante de los mismos.

Entonces, debido a que encontramos muchos componentes indigestibles en las raciones, el uso de estos complejos enzimáticos representa una ventaja frente a una suplementación con enzimas aisladas. Además, teniendo en cuenta que las dietas para las aves en América Latina se componen principalmente de maíz y soya –ingredientes que son bien utilizados nutricionalmente en el sector avícola–, siempre habrá fracciones que pueden ser mejor aprovechadas (Slominski  B., 2011); lo que puede apoyar a que las aves alcancen su máximo potencial productivo.

Tecnologías como las enzimas pueden ayudar a las aves a alcanzar un mejor desempeño, sobre todo en determinadas etapas de la producción: como es el caso de los animales jóvenes (que no son capaces de asimilar algunos compuestos de la dieta por tener sus tractos gastrointestinales aún en desarrollo). Esto finalmente ayuda a reducir el costo de las dietas y a mejorar la utilización de los ingredientes alternativos en el alimento balanceado.

Como podemos apreciar, el uso de enzimas es una práctica consolidada en la industria avícola; y gracias a más investigaciones es posible demostrar la eficacia y la importancia de los complejos enzimáticos en la formulación de las raciones. De esta manera, los productores pueden tener aves más sanas y mantener así la rentabilidad de su producción. En resumen: para que el sector avícola continúe creciendo es necesario que los avicultores lleven a cabo una utilización cada vez más estratégica y eficaz de las enzimas en la alimentación animal.

Referencias bibliográficas:

• McKinney et al. (2015). Optimization of phytase production from Escherichia coli by altering Solid-State fermentation conditions. Fermentation. 1: 13-23.
• Núñez et al. 2013. Adición de dos complejos enzimáticos a raciones con harina de soya (Glycine max L.) con diferente solubilidad de proteína y respuesta productiva en pollos de engorde. Tropical and Subtropical Agroecosystems. 16: 297-307.
• García et al. (2000). Efeito da suplementação enzimática em rações com farelo de soja e soja integral extrusada sobre a digestibilidade de nutrientes, o fluxo de nutrientes na digesta ileal e o desempenho de frangos. Revista Brasileira de Zootecnia. 29: 1414-1426.
• Hooge et al. (2010). Meta-analysis of broiler chicken trials using diets with or without Allzyme® SSF enzyme complex. International Journal of Poultry Science. 9: 819-823.
• Lázaro et al. (2004). Feeding regimen and enzyme supplementation to rye-based diets for broilers. Poultry Science . 83: 152-160.
• Meng, X., Slominski, B.A. (2005). Nutritive values of corn, soybean meal, canola meal, and peas for broiler chickens as affected by a multicarbohydrase preparation of cell wall degrading enzymes. Poultry Science. 84: 1242-1251. 

SOIL-SET^® AID vychádza z dlhodobých výskumov mikrobiálnej fermentácie. Vďaka vyváženému obsahu mikroživín a inovatívnej technológii SOIL-SET AID pomáha  aktivovať pôdnu mikroflóru s cieľom podporiť rast rastlín a prispieť k zdravšiemu koreňovému systému. 

• Zvyšuje dostupnosť minerálnych látok pre výživu rastlín 
• Pomáha vytvoriť zdravé pôdne prostredie 
• Vhodné na použitie v  ekologickom poľnohospodárstve (ES 834/2007) 

TYPESET 

SOIL-SET® AID, Soil-Set® Ai 

Život je školská trieda. 

Učenie je celoživotné poslanie a naším cieľom je pestovať túžbu po poznatkoch a inšpirovať inovácie. To je jediný spôsob, ako úspešne čeliť výzvam budúcnosti.  

Alltech investuje do budúcnosti, či už zakladaním výskumných laboratórií, celosvetovými súťažami pre mladých výskumníkov  alebo ponukami jedinečnej kariéry. 

Každý deň môže byť príležitosťou na objavovanie. 

Súťaž ''Alltech Young Scientist''

Program Alltech Young Scientist (AYS) predstavuje najväčšiu svetovú vedeckú súťaž v oblasti poľnohospodárstva. Ponúka talentovaným mladým vedcom z vysokých škôl celého sveta príležitosť súťažiť na najvyššej úrovni a získať za svoj inovačný výskum ocenenie. 

Alltech vyzýva študentov, aby pomohli spoločnosti prichádzať na nové riešenia v oblasti zdravia a výživy zvierat, vedeckého pestovania plodín, analytických metód v poľnohospodárstve, bezpečnosti a vysledovateľnosti potravinového reťazca, zdravia a výživy človeka a v ďalších oblastiach poľnohospodárskej vedy,  
a súčasne získali cenné skúsenosti v spolupráci s globálnym tímom spoločnosti Alltech. 

Ďalšie informácie (odkaz na http://education.alltech.com/alltech-young-scientist)

Súťaž ''Alltech Innovation''

Inovácie sú jadrom kreativity a zmien. Preto je i cieľom spoločnosti Alltech podporovať rôzne obchodné záujmy, svoj globálny tím, výskum a vývoj nových riešení. A to je zároveň základom súťaže Alltech Innovation.  

Súťaž Alltech Innovation sa po prvýkrát konala v roku 2013 v Kentucky a v Írsku a vyzvala tímy vysokoškolských študentov a absolventov zostaviť progresívne obchodné plány pre budúcnosť, ktoré by obsahovali inovačné myšlienky v oblasti výživy zvierat, vedeckého pestovania plodín, potravín, pivovarníctva a výroby liehovín pre zlepšenie miestneho hospodárstva. Táto súťaž, ktorá sa usporadúva pravidelne každý rok, oslavuje podnikavosť a vplyv tímovej spolupráce odborníkov z rôznych oblastí na rozvoj podniku.  

Víťazné firmy môžu vyhrať 10 000 dolárov, teda rovnakú sumu, s ktorou kedysi Dr. Pearse Lyons založil Alltech, dnes spoločnosť s obratom dve miliardy dolárov. 

Ďalšie informácie (odkaz na http://education.alltech.com/alltech-innovation-competition) 

Program kariérneho rozvoja Alltech  

Program kariérneho rozvoja Alltech je mimoriadnou príležitosťou pre vysoko motivovaných čerstvých absolventov vysokých škôl, ktorí  túžia po neuveriteľnej kariére. 

Spoločnosť Alltech, svetová jednotka v oblasti zdravia a výživy zvierat, ponúka a dodáva rozsiahle portfólio inovačných riešení, ktoré tvoria novú úroveň udržateľnosti pre budúcnosť planéty. Hľadáme priekopnícke povahy s podnikateľským duchom pre náš dvojmiliardový podnik.  

Úspešní kandidáti dostanú príležitosť spolupracovať s dynamickými odborníkmi Alltech, ktorí sa snažia zlepšovať zdravie a výkonnosť zvierat a rastlín prostredníctvom výživy a vedeckých inovácií pri súčasnom zvyšovaní ziskovosti poľnohospodárskych podnikov na celom svete.  

Hľadáme talentovaných ľudí, ktorí by nám pomohli ďalej rozvíjať inovovať a zvyšovať normy kvality a výkonnosti. Ak sa k nám pridáte, otvoria sa vám široké možnosti vedúce k stimulujúcej, dynamickej a odmeňujúcej budúcnosti! 

Ďalšie informácie (odkaz na http://education.alltech.com/alltech-career-development-program)