3 กุญแจสู่โภชนาการรูปแบบใหม่สำหรับลูกสุนัขและลูกแมว
หากบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณผลิตอาหารสำเร็จสำหรับลูกสุนัขและลูกแมว คุณจะรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณจากคู่แข่งในตลาด
มีอาหารสัตว์เลี้ยงมากมายที่วางขายอยู่ทั้งที่ร้านค้าและร้านขายสินค้าออนไลน์ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงอาจต้องคิดหนักกับการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารให้แก่ลูกๆ ของพวกเขา พวกเขาจะซื้ออาหารสดสำหรับลูกสุนัขดีหรือไม่? อาหารแห้งหรืออาหารเปียกสำหรับลูกแมว? อาหารที่มีโปรตีนสูง? หรือ วิตามินและแร่ธาตุเสริม?
แต่ท้ายที่สุดแล้ว แน่นอนว่าคุณต้องการให้ผู้บริโภคที่ซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงเลือกโปรแกรมโภชนาการของคุณ เราจะมาดู 3 วิธีที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารลูกสุนัขและลูกแมวของคุณโดดเด่นมากกว่าสินค้าอื่น
1.ระวังเรื่องการโฆษณาคำว่า “โปรตีนสูง” มากเกินไป
จริงที่ว่าลูกสุนัขและลูกแมวต้องการโปรตีนและแคลอรี่ในระดับสูง แต่ควรระมัดระวังอย่าสื่อสารข้อความนี้แบบง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง
โปรตีนมาจากหลายแหล่งและผลิตแตกต่างกัน การอ้างว่าอาหารมี “โปรตีนสูง” ไม่สำคัญเท่ากับว่าในอาหารนั้นๆ มีระดับกรดอะมิโนจำเป็นที่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัขและลูกแมวหรือไม่
แท้จริงแล้วลูกสุนัขและลูกแมวต้องการ โปรตีนที่มีคุณภาพสูงในระดับสูง ดังนั้นคุณจึงควรสื่อสารกับผู้บริโภคว่าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณมีโปรตีนที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมจากแหล่งที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการทางโภชนาการของลูกสุนัขหรือลูกแมวของพวกเขา
นอกจากนั้น ร่างกายของสัตว์ที่กำลังเจริญเติบโตก็ต้องการสารอาหารที่สร้างเสริมความสามารถของเซลล์ในการผลิตโปรตีนด้วย
สารอาหารเหล่านั้น เช่น นิวคลีโอไทด์ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ช่วยสร้างสารพันธุกรรมของสัตว์ (DNA และ RNA) จึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายของสัตว์ต้องการเป็นอย่างสูงตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังเจริญเติบโต เพราะระบบภูมิคุ้มกันและทางเดินอาหารกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
นิวคลีโอไทด์ถูกพบในปริมาณสูงในน้ำนมของแม่ แต่ลูกสัตว์ก็ยังต้องการนิวคลีโอไทด์ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นแม้จะเป็นช่วงหลังหย่านม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการเสริมนิวคลีโอไทด์ให้แก่ลูกสุนัข จะช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนองกับเชื้อโรคที่อันตราย เช่น เชื้อพาร์โวไวรัส ได้ดีขึ้น
การเติมโมเลกุลและกรดอะมิโนอินทรีย์ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกสุนัขและลูกแมวซึ่งพบได้ใน NUCLEO-SACC™ จากออลเทค ลงในอาหารสัตว์ของคุณ จะช่วยให้คุณสามารถมอบผลลัพธ์ที่ผู้บริโภคต้องการสำหรับสัตว์เลี้ยงที่พวกเขารักได้
2. ทำให้ถูกปาก
หากลูกสุนัขและลูกแมวมีการบริโภคอาหารที่ลดลง จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ
เป็นเรื่องที่สำคัญในการสื่อสารกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่า ถึงแม้อัตราการเจริญเติบโตทั้งของลูกสุนัขและลูกแมวนั้นควรจะเป็นไปอย่าง ”ช้าๆ และสม่ำเสมอ” เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบกล้ามเนื้อและกระดูกเจริญเติบโตเกินวัย แต่ลูกสัตว์นั้นจะเจริญเติบโตรวดเร็วที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต จึงจำเป็นต้องได้รับอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการ
การผลิตอาหารสำหรับลูกสุนัขและลูกแมวด้วยส่วนประกอบที่ช่วยทำให้เจริญอาหาร เช่น กรดกลูตามิค จะช่วยเพิ่มอัตราการบริโภคอาหารได้ นอกจากนั้นการใช้ระบบประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายอาจช่วยทำให้รู้แนวทางโภชนาการสำหรับลูกสุนัขและลูกแมวและการสอนให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายของสัตว์เลี้ยงจะช่วยในการป้องกันพัฒนาการที่ไม่สมวัยหรือเกินวัยได้
เราสามารถประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายทั้งของสุนัขและแมว ด้วยคะแนน 1-9 โดยที่ 1 หมายถึงภาวะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์อย่างรุนแรง และ 9 หมายถึงภาวะอ้วนเกินไป คะแนนค่าความสมบูรณ์ของร่างกายที่เหมาะสมคือระหว่าง 4 ถึง 5 ซึ่งเราจะไม่สามารถมองเห็นซี่โครงแต่จะคลำเจอซี่โครงได้ง่าย และสามารถเห็นรอบเอวของพวกเขาได้ชัดเจน
สำหรับสัตว์เลี้ยงที่กำลังโต ร่างกายของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและอาจมีบางช่วงที่จะเติบโตเร็วกว่าที่เราคาด แต่สิ่งที่สำคัญคือการคอยสังเกตภาวะร่างกายของพวกเขาอยู่เสมอ เพื่อที่คุณจะได้ปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสมกับพวกเขาได้ทันท่วงที
โดยสรุปแล้ว การช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าสัตว์เลี้ยงที่กำลังโตนั้นต้องการอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลเพื่อตอบสนองกับความต้องการทางโภชนการที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ไม่ทำให้ระบบของร่างกายทำงานมากเกินไปเป็นกุญแจสำคัญ การออกแบบอาหารสัตว์ที่ถูกปากจะช่วยกระตุ้นการบริโภคอาหารของสัตว์ ซึ่งหมายความว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มที่จะไม่ให้อาหารที่มีสัดส่วนไม่เหมาะสมในปริมาณมากเกินไปเพื่อชดเชยในส่วนที่ขาด และนั่นอาจสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว
3. โฟกัสที่สารอาหารฟังก์ชัน (functional nutrients)
สารอาหารฟังก์ชันคือสารอาหารที่อาจให้ประโยชน์เหนือไปกว่าความต้องการทางโภชนาการพื้นฐานของร่างกาย ไม่ว่าบริษัทของคุณจะผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทใดก็ตาม ควรแน่ใจว่าคุณใส่สารอาหารฟังก์ชันที่จะช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยได้
สารอาหารฟังก์ชันชนิดหนึ่งที่อาจไม่ค่อยถูกกล่าวถึงคือ ไอโนซิทอล ไอโนซิทอลคือน้ำตาลที่ถูกพบตามธรรมชาติในร่างกาย ไอโนซิทอลช่วยส่งเสริมการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ และยังช่วยในการพัฒนาเยื่อหุ้มเซลล์ด้วย และด้วยหน้าที่ของมันในโครงสร้างของเซลล์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สัตว์ที่กำลังเจริญเติบโตต้องได้รับไอโนซิทอลที่มีคุณภาพในอาหารของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว การใช้แร่ธาตุอินทรีย์ 100% (เช่น ทองแดง, สังกะสี, แมงกานีส, เหล็ก และ ซีลิเนียม) ในอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณจะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพโปรแกรมโภชนาการของคุณได้อย่างมาก แร่ธาตุรองมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาที่เหมาะสมของเนื้อเยื่อทั้งหมดในร่างกายในช่วงการเจริญเติบโตของสัตว์ แร่ธาตุรองในรูปแบบอินทรีย์แสดงให้เห็นว่าถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ในอัตราที่สูงกว่าแร่ธาตุแบบอนินทรีย์ ซึ่งนั่นหมายถึงพัฒนาการและสมรรถภาพของสัตว์เลี้ยงจะถูกพัฒนาได้ดีกว่าเพียงแค่ให้อาหารจากแบรนด์ของคุณ!
สรุป
ท้ายที่สุดแล้ว ที่คุณต้องใส่ใจในอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณเพราะคุณให้ความสำคัญกับลูกสุนัขและลูกแมวที่ต้องกินอาหารนั้น
นอกเหนือจากแร่ธาตุรองจำเป็นที่มีคุณภาพสูง การเพิ่มสารอาหารฟังก์ชันในระดับที่เหมาะสม เช่น กรดอะมิโนจำเป็น, นิวคลีโอไทด์, ไอโนซิทอล และกรดกลูตามิค จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ของคุณโดดเด่นแล้ว สินค้าของคุณยังจะสามารถมอบผลลัพธ์ที่เหลือเชื่อสำหรับสมาชิกครอบครัวใหม่ของลูกค้าของคุณอีกด้วย!