ข้อกำหนดใหม่ของ AAFCO ในการแสดงฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2024 AAFCO ได้ประกาศใช้ Pet Food Model Regulations ฉบับใหม่ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในอุตสาหกรรม กฎระเบียบเหล่านี้ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 และผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย ซึ่งได้แก่ คณะกรรมการอาหารสัตว์เลี้ยงของ AAFCO,  การสำรวจผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมาย, รวมถึงการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ, สมาคมวิชาชีพ และเหล่าองค์กรการค้าในอุตสาหกรรม

เป้าหมายหลักคือการปรับปรุงฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง (pet food) และอาหารสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ (specialty pet food) ให้ทันสมัย โดยเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนขึ้นเพื่อผู้บริโภค

การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับฉลาก 4 ประการหลัก:

1. ข้อมูลโภชนาการสัตว์เลี้ยง (Pet Nutrition Facts Box)

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดคือ กรอบแสดงข้อมูลโภชนาการสัตว์เลี้ยง ซึ่งถูกปรับให้คล้ายกับข้อมูลโภชนาการที่พบในฉลากอาหารของคน โดยให้มีการสื่อสารข้อมูลโภชนาการที่จำเป็นและเข้าใจง่ายในรูปแบบมาตรฐาน กรอบข้อมูลนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเกี่ยวกับโภชนาการของสัตว์เลี้ยงด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนเหมาะสม กรอบข้อมูลโภชนาการนี้จะประกอบด้วยรายละเอียด เช่น ปริมาณการให้ ปริมาณแคลอรี่ การรับประกันสารอาหาร ปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด และคำประกาศว่าด้วยความเพียงพอด้านโภชนาการของ AAFCO

กรอบข้อมูลโภชนาการของ specialty pet food ได้ถูกปรับเฉพาะ แม้ว่าจะมีข้อมูลส่วนใหญ่เหมือนกับกรอบข้อมูลโภชนาการมาตรฐาน แต่ไม่จำเป็นต้องมีการแสดงข้อมูลแคลอรี่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีคำประกาศความเพียงพอด้านโภชนาการเพื่อให้ความชัดเจนเกี่ยวกับความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์สำหรับความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยงแก่ผู้บริโภค

2.             คำแถลงวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์:

Nutritional Adequacy Claims (คำกล่าวอ้างความเพียงพอทางโภชนาการ) ซึ่งใช้ยืนยันถึงความสมบูรณ์ทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ต้องปรากฏอย่างชัดเจนในส่วนล่างหนึ่งในสามของส่วนสำคัญของฉลาก การวางที่ตำแหน่งนี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถมองเห็นข้อมูลช่วงวัยที่เหมาะสมและวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของสัตว์เลี้ยงได้อย่างมั่นใจ

อาหารสัตว์เลี้ยงที่ใช้ประกอบการรักษาโรคจะต้องระบุชนิดของสัตว์ เช่น “Veterinary Diet for Cats” หรือ “Veterinary Diet for Dogs” ขนมก็ต้องระบุชนิดของสัตว์เช่นกัน เช่น "ขนมสุนัข" หรือ "ขนมแฮมสเตอร์"

อาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งไม่ใช่อาหารสำเร็จและมีจุดประสงค์เพื่อให้สารอาหารเฉพาะ ต้องระบุวัตถุประสงค์และชื่อชนิดของสัตว์ เช่น “Species Food Supplement: Dog”

3.             คำแสดงส่วนผสม:

กฎระเบียบใหม่ของ AAFCO ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับคำแสดงส่วนผสม เพื่อเพิ่มความเข้าใจของผู้บริโภคและรับรองความโปร่งใสและความสม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์

สิ่งที่น่าสังเกตเป็นพิเศษคือ การชี้แจงการกำหนดชื่อสำหรับส่วนผสมจากเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลา นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดใหม่สำหรับการระบุแหล่งน้ำตาลและพรีมิกซ์วิตามิน/แร่ธาตุ โดยใช้ชื่อสามัญหรือชื่อที่ใช้กันทั่วไปตามที่ระบุใน AAFCO Official Publication

4.             คำแนะนำในการจัดการและการเก็บรักษา:

แม้ว่าคำแนะนำในการจัดการและการเก็บรักษาจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้บังคับ แต่ก็ได้รับการสนับสนุนให้แสดงข้อมูลภายใต้ข้อกำหนดใหม่ หากมีการแสดงข้อมูลส่วนนี้ คำแนะนำเหล่านี้ต้องอ่านได้ชัดเจนและแสดงหัวข้อเป็นตัวหนา และยังมีการระบุแนวทางการใช้กราฟิกเพื่อประกอบคำแนะนำในการจัดการและการเก็บรักษา เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจวิธีการจัดการและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงได้ง่าย

การนำไปใช้และการบังคับใช้

การปฎิบัติตามข้อกำหนดใหม่เหล่านี้ จะได้รับการดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ โดย AAFCO ต้องการให้มีการปฏิบัติตามกฎดังกล่าวทันที เพื่อให้แน่ใจว่าในทุกพื้นที่จะมีการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอโดยทั่วกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการนี้ AAFCO ได้แนะนำให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐจัดโปรแกรมเพื่อค่อยๆ ปรับการบังคับใช้ตามดุลยพินิจเป็นเวลาหกปีหลังจากการเผยแพร่ 2024 AAFCO Official Publication อย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ AAFCO จะจัดเวิร์กช็อปเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบใหม่แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เวิร์กช็อปครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่ Petfood Forum ในวันที่ 29 เมษายน 2024

เกี่ยวกับผู้เขียน:

ดร. แรนดอล จอห์นสัน มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปีในฐานะที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง อาหารสัตว์ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดร. จอห์นสัน ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านสัตว์มืออาชีพ มักจะให้คำปรึกษาสำหรับคณะทำงานด้านโภชนาการของสถาบันอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศและกิจการกำกับดูแล

ดร. จอห์นสัน เป็นทูตของวิทยาลัยโภชนาการสัตว์แห่งอเมริกา ท่านมีงานวิจัยหลังปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยมิสซูรี และเคยทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นรองศาสตราจารย์พิเศษในโรงเรียนธุรกิจการเกษตรและทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา